จากเภสัชกร สู่เกษตรกรอินทรีย์ปลูกงาดำส่งต่อความยั่งยืน

เส้นทางชีวิตเกษียณสำราญ ใช้ความรู้เรื่องยาผสมธรรมชาติให้เกิดนวัตกรรมไฮบริด (การผสมผสานระหว่างสารจากธรรมชาติเข้ากับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย)

จุดเริ่มต้นของเภสัชกร ดร.ทวีศักดิ์ สีทองสุรภณา

จากความสนใจเรื่องเคมีสู่เภสัชกร

ผมเริ่มสนใจเรื่องเคมี สมัยที่เรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ และได้ศึกษาต่อคณะเภสัชศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมัยเรียนใช้ชีวิตวัยรุ่นปกติ เรียนบ้าง เที่ยวบ้าง ตามประสาวัยรุ่น

งานแรก ก้าวแรกที่สำคัญในชีวิต

ผมได้เริ่มทำงานที่ บริษัท Hoechst ตำแหน่ง Medical Representative 3 ปี หันมาเปิดร้านยาเป็นธุรกิจของตัวเองที่ จ.พิษณุโลก

ผมเชื่อว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร

ผมได้เข้าทำงานที่ บริษัท ดีทแฮส์ม หรือ DKSH ในปัจจุบัน ตำแหน่ง Executive brand manager และได้มีโอกาส ศึกษาต่อใน หลักสูตร Marketing management ที่ Queens university Canada ประเทศ Canada จากนั้นผมก็ออกจากงาน เพราะอยากพัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้น และได้รับโอกาสดี ๆ

ทำงานต่อที่ บริษัท Eisai Thailand บริษัทยาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นจนขึ้นถึงตำแหน่งประธานบริษัท พร้อมบุกตลาดยาได้ถึง 6 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม พม่า ลาว กัมพูชา และศรีลังกา ระหว่างนั้นได้ศึกษาต่อใน หลักสูตร Executive management Program ที่ Kellogg university Chicago ประเทศ สหรัฐอเมริกา และอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทจนเกษียณ

ทุกรางวัลมีความหมายสำหรับผม ในเส้นทางสายเภสัชกร

ผมได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ปี 2556

จากชีวิตเภสัชสู่อาจารย์เภสัชกรในปัจจุบัน

ผมได้รับเชิญเป็นวิทยากรให้หลาย ๆ ที่ทั้งภาครัฐและเอกชน จนกลายเป็นอาจารย์อย่างเต็มตัว

ชีวิตจากตำแหน่งประธานบริษัทกว่า 24 ปี
สู่ช่วงเกษียณสำราญ

ชีวิตหลังเกษียณ จากที่ผมเจองานด้านเคมีมาเยอะ ผมก็อยากเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ช่วงนั้นก็มีละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง จนทำให้นึกถึงการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และผมเลยตัดสินใจซื้อที่ดินที่ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

ชื่อเดิมของไร่นี้คือ ม่อนน้ำล้อม ผมบังเอิญนั่งคุยเล่นกับครอบครัว ในช่วงเวลาเย็น ๆ และได้แหงนหน้าขึ้นไปเห็นพระจันทร์เต็มดวงสีเหลืองนวล เลยคิดได้ว่าธรรมชาติสร้างสิ่งสวยงามและยิ่งใหญ่  เลยนำความคิดนี้มาตั้งชื่อไร่ว่า Moonrise Farm

จุดเริ่มต้นของเกษตรอินทรีย์สู่ความยั่งยืน

ผมได้เข้าไปศึกษาพื้นที่แถวนั้นซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกงาเป็นหลัก แต่วิธีการปลูกยังไม่ถูกต้องตามหลักความปลอดภัย ยังมีการใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ผมจึงแนะนำวิธีการปลูกแบบอินทรีย์เพื่อให้ได้ไร่เกษตรอินทรีย์แบบยั่งยืน

พร้อมกับจังหวะนั้นผมมีอาการเกี่ยวกับหลอดเลือดจนต้องเข้าโรงพยาบาล และพบว่าตัวเองเป็น โรคหัวใจ และนี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตที่ทำให้ผมมาสนใจเรื่อง งาดำ ในไร่ของผมไม่ได้ปลูกแค่งาดำ ยังมีพืชและผลไม้หมุนเวียนเพื่อบำรุงรักษาดินที่ใช้ในการปลูกงาดำ

จากปัญหาสุขภาพ สู่แนวคิดใหม่ในการทำ
น้ำมันงาดำออร์แกนิก

ผมได้พูดคุยกับ อาจารย์ จักรพันธ์ อดีตคณบดี คณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งท่านได้ให้หนังสือมาเล่มหนึ่งเกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำมันงาดำ ที่มีข้อดีในการช่วยลดระดับ LDL ผมเลยมีความคิดที่จะปลูกงาดำ

ด้วยนิสัยของเภสัชกร ผมคิดว่าน้ำมันงาดำก็มีขายอยู่ทั่วไปเลยเกิดความสงสัยว่ามันแตกต่างกันยังไง และเพื่อหาคำตอบนี้

ผมซื้อน้ำมันงาดำในท้องตลาด จากนั้นนำไปตรวจสอบคุณภาพ ทำให้ค้นพบว่า คุณภาพไม่เท่ากัน ลักษณะเหมือนกันแต่ความเข้มข้นไม่เท่ากัน เจอ 10% 20% มากที่สุดคือ 40% ในท้องตลาด

คุณภาพไม่เท่ากัน เกิดจาก ?

น้ำมันงาดำมีลักษณะภายนอกที่เหมือนกัน แต่ความเข้มข้นไม่เท่ากันบางที่ 10% 20% สูงที่สุดคือ 40% ในท้องตลาด เปรียบเทียบเหมือนต้มยำกุ้ง เมนูเดียวกันแต่ละร้านรสชาติความเข้มข้นไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับคุณภาพวัตถุดิบ และปริมาณที่ใช้เป็นหลัก (ยิ่งเข้มข้น ยิ่งใส่ใจ ก็จะทำให้รสชาติอร่อย กลมกล่อม)

ผมได้ศึกษาเพิ่มเติมจนรู้สาเหตุว่า คุณภาพไม่เท่ากันมาจาก วิธีการปลูก วิธีการเก็บ ที่สำคัญวิธีการเก็บแล้วนำไปหีบ ทางเภสัชศาสตร์เราจะรู้ว่าถ้าเก็บไว้นานจะทำให้เกิดอาการเหม็นหืน

ผมได้เรียนรู้ว่า คุณภาพของงาดำแต่ละที่ไม่เท่ากัน ผมต้องใช้ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์และเกษตรศาสตร์ในการควบคุมมาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัย และใช้เวลาถึง 3 ปี กับชาวบ้าน จนชาวบ้าน เรียกผมว่า เภสัชเกษตรอินทรีย์

ผมใช้เวลาพัฒนามาตลอด 3 ปี จนแน่ใจว่าได้น้ำมันงาดำ ที่มีคุณภาพ ตามประสบการณ์และแนวคิดของเภสัชกร จนทำให้ไร่ moonrise farmได้รับมาตรฐานออร์แกนิก USDA , One Cert และพัฒนาให้กลายเป็น DNA ของ Moonrise farm

จากข้อมูลของงานวิจัย ผมเลือก สารสกัดเซซามี ที่มีความเข้มข้นมากกว่าท้องตลาด โดยมีความเข้มข้นสูงถึง 90% เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการดูแลฟื้นฟูเส้นผมได้เป็นอย่างดี และเห็นผลได้ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

ทำให้น้ำมันงาดำ เป็น DNA ของสินค้าอื่นๆ

ผมรู้คุณสมบัติของน้ำมันงาดำ ผมควบคุมคุณภาพของน้ำมันงาดำ ทำให้ผมมั่นใจและพูดได้เลยว่าน้ำมันงาดำจากไร่ของผมปลอดภัย

ผมวิจัยและพัฒนาจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดไขมันในเลือด, ลดการอักเสบกระดูกและข้อ,  ฟื้นฟูและดูแลเส้นผมจากภายใน

หลายคนสงสัย น้ำมันงาดำช่วยให้เส้นผมแข็งแรงได้อย่างไร

เพื่อนผมหลายๆคนมีปัญหาเรื่องเส้นผมและผมร่วง เลยคุยกันว่าการนำธรรมชาติมาช่วยดูแลเส้นผมน่าจะดีกว่าการใช้ยา เพราะสารเคมีในกลุ่ม MINOXIDIL พอใช้นาน ๆจะ มีผลข้างเคียง และเกิดสารสะสมในร่างกาย

ผมปรึกษากับ รศ.ดร.วรรธิดา ชัยญาณะ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม และพบงานวิจัยจากน้ำมันงาดำที่มีการเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย MINOXIDIL กับ Sesame ที่มีความเข้มข้นสูง

ผมได้ศึกษางานวิจัยอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงบทความ วารสารต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย จนคิดค้นสูตรที่ส่วนผสมหลักคือ น้ำมันงาดำจากไร่ของผม

เพราะ Sesame มีส่วนช่วยลดฮอร์โมน DHT สาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง พร้อมผสานทั้ง ซิงค์ วิตามิน D และ E ที่ช่วยดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงจากภายใน ทั้งยังปรับสมดุลให้วงจรชีวิตเส้นผมเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสม

ส่งต่อสิ่งดี ๆ จากธรรมชาติ

หากมีข้อสงสัยผมพร้อมให้คำปรึกษาด้วยตัวเอง ทุกท่านสามารถโทรเข้ามาสอบปัญหาเรื่องกระดูกและข้อ เรื่องผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน การใช้ธรรมชาติช่วยดูแลแทนการใช้ยาเคมีย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย เพราะธรรมชาติดูแลเราเสมอ

"สุขภาพผมดี เริ่มด้วยความเข้าใจ"

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save